1. ข้อแรกที่สำคัญสุดคือ ผู้ใช้ยาปลูกผม ควรต้องทราบก่อนว่าผมร่วงเกิดจากสาเหตุอะไร โดยปกติผมร่วงจะแบ่งเป็น 2 สาเหตุหลักๆ คือ สาเหตุชั่วคราว และ สาเหตุถาวร

ตัวอย่างของผมร่วงสาเหตุชั่วคราว เช่น ผมร่วงจากสารเคมีย้อมผม หรือ ผมร่วงจาก COVID19 ในกรณีนี้การใช้ยาปลูกผมระยะสั้นจะมีส่วนช่วยให้สภาพรากผมแข็งแรงขึ้น ลดการหลุดร่วง และ เส้นผมใหม่หนาขึ้น

หากเป็นอีกสาเหตุ คือผมร่วงจากสาเหตุถาวรเช่น กรรมพันธุ์ ในกรณีนี้การใช้ยาปลูกผม จะช่วยให้ผมแข็งแรงขึ้นในระยะสั้น แต่จะไม่ได้เป็นการแก้ที่ต้นเหตุ ไม่ทำให้ผมหยุดหลุดร่วงได้ ในกรณีผมร่วงจากสาเหตุถาวรจะแนะนำผู้ใช้ยาปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจเลือกใช้ยาปลูกผม

2. ประเภทของยาปลูกผมที่เลือกใช้ ในปัจจุบันยาปลูกผมจะมี 2 รูปแบบ ได้แก่ รูปแบบทา และ รูปแบบกิน

ยาปลูกผมรูปแบบทา คือ minoxidil 5% มีกลกไกการออกฤทธิ์เฉพาะจุด โดยตัวยาจะช่วยให้รากผมบริเวณที่ทามีความแข็งแรงขึ้น สร้างเส้นผมใหม่ที่หนามากขึ้น โดยตัวยาจะไม่ส่งผลต่อระบบอื่น จึงสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยมากกว่ารูปแบบกิน ผู้ที่มีปัญหาระยะเริ่มต้นสามารถเลือกซื้อใช้เองได้

รูปแบบกิน จะถูกใช้ใน 2 กรณีคือ ในกรณีที่ผู้ใช้ใช้รูปแบบทาแล้วไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าที่ควร หรือ ผู้ใช้ไม่ต้องการใช้ยารูปแบบทาสามารถเลือกใช้ยาปลูกผมรูปแบบกินแทนได้ แต่เนื่องจากการใช้ยารูปแบบกินมีความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงในระบบอื่นตามมา ผู้ใช้จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยาปลูกผมรูปแบบกิน

3. ผลข้างเคียง และ ระยะเวลาการใช้ ข้อสุดท้ายเป็นอีกข้อที่สำคัญ เนื่องจากการใช้ยาปลูกผมในผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางแต่ละคนแตกต่างกัน บางคนสามารถใช้ในระยะสั้นแล้วเห็นผลลัพธ์ที่พึงพอใจ บางคนจำเป็นต้องใช้ระยะยาว บางคนพบผลข้างเคียงจากการใช้ยาทำให้ไม่สามารถใช้ยาปลูกผมบางตัวได้ และ ควรใช้ยาปลูกผมตัวอื่นทดแทน บางคนพบเจอ ผลข้างเคียงแต่เป็นผลข้างเคียงระยะสั้นสามารถใช้ยาปลูกผมต่อได้ ซึ่งในข้อนี้เป็นข้อที่สำคัญ ผู้ใช้จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาปลูกผมเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพของการใช้ยาที่ดีที่สุด ปลอดภัยจากการใช้ยา และ ได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจ

ทาง MP มีบริการให้คำปรึกษาแพทย์ทางช่องทางออนไลน์ก่อนการใช้ยา และ ให้คำปรึกษาปัญหาที่เกิดจากการใช้ยาปลูกผม นอกจากนี้ทางคลินิกยังมีบริการจัดส่งยาให้ลูกค้าทั่วประเทศไทย สามารถเก็บเงินปลายทางได้